Coolsculpting เป็นการใช้เครื่องมือที่มีการส่งผ่านความเย็นผ่านหัวดูดผิว (Vacuum) หัวนี้จะทำการดูดทั้งผิวหนังและไขมันสะสมใต้ผิวหนัง จากนั้นจะปล่อยความเย็นที่อยู่ในระดับต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง-11°C ถึง -13°C ส่งผลให้ไขมันใต้ผิวหนังแข็งตัวเกาะเป็นผลึก ความเย็นจะเจาะจงกับเซลล์ไขมันเท่านั้น ทำให้เซลล์ไขมันหยุดทำงานและตายไป หลังการรักษา ไขมันที่เป็นผลึกจะค่อยๆ ถูกกำจัดออกทางระบบน้ำเหลือง ส่วนเซลล์ไขมันที่เหลือนั้นจะเรียงตัวใหม่ ทำให้ชั้นไขมันบางลง ส่งผลให้รูปร่างดูสมส่วนขึ้น โดยเซลล์ไขมันจะถูกทำลายมากถึง 20-25%
บริเวณที่สามารถสลายไขมันได้ด้วย Coolsculpting
ส่วนบริเวณที่ทำ Coolsculpting ได้ อาทิ ใต้คาง บริเวณหน้าอก ปีกหลังใต้วงแขน ท้องแขน หน้าท้อง เอว สะโพก ต้นขา เนื่องจากไขมันบริเวณต่างๆ ตามร่างกายจะมีความหนาที่แตกต่างกันออกไป หัวดูดสูญญากาศจึงมีความแตกต่างตามความหนาและรูปร่างของชั้นไขมัน เพื่อให้สามารถกำจัดไขมันด้วยความเย็นได้ในบริเวณที่ต้องการได้หลากหลายมากขึ้น อาทิ
- Cool Core เหมาะสำหรับสัดส่วนทั่วไป เช่น หน้าท้องบน-ล่าง หรือบริเวณเอวด้านข้าง
- Cool Courve เหมาะกับบริเวณส่วนโค้งของร่างกาย ได้แก่ บริเวณเอว ใต้ชุดชั้นใน
- Cool Fit เหมาะกับบริเวณต้นแขนหรือต้นขาด้านใน
- Cool Smooth เหมาะกับบริเวณต้นขาด้านนอก
- Cool Max เหมาะสำหรับคนที่มีรูปร่างใหญ่ และไม่ต้องการดูดไขมัน
ขั้นตอนการสลายไขมันด้วย Coolsculpting
เริ่มทำการรักษาด้วยการวางแผ่นเจลปกป้องผิว จากนั้นจะประกบหัวดูด (Vacuum) เข้ากับผิว ท่านจะรู้สึกตึง รั้ง หรือบีบรัดในช่วงแรก หลังผ่านไป 5-10 นาที อาการเหล่านี้จะทุเลาลง และเริ่มรู้สึกเย็นร่วมกับชาบริเวณที่ทำการรักษา การรักษาจะใช้เวลาประมาณ 60 นาที ต่อหนึ่งพื้นที่ของหัวดูด หลังการรักษา ผิวหนังบริเวณนั้นจะเย็นและอาจมีรอยแดงช้ำ บางท่านอาจรู้สึกผิวหนังแข็งตึงกว่าปกติ อาการเหล่านี้มักเกิดร่วมกับอาการชาซึ่งจะพบได้ในช่วง 2 สัปดาห์แรก ระหว่างนี้ควรงดการทำทรีตเมนต์อื่นที่ตำแหน่งที่ทำการรักษาด้วย Coolsculpting รวมถึงการประคบร้อนหรือนวดชั่วคราว
ผลลัพธ์และคำแนะนำหลังสลายไขมันด้วย Coolsculpting
ผลการรักษาจะเริ่มสังเกตได้ตั้งแต่ประมาณ 2-3 สัปดาห์ และยิ่งชัดเจนมากยิ่งขึ้นใน 6 สัปดาห์ และดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในเดือนที่ 2 ร่างกายจะขจัดเซลล์ไขมันที่ตายแล้วออกไปเรื่อยๆ จนเข้าเดือนที่ 4 เพื่อให้คงผลลัพธ์ของการสลายไขมันได้อย่างยาวนานและถาวร นั่นก็คือ ควรทำควบคู่ไปกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร และออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอ https://www.theklinique.com/new-coolsculpting-3/